ตระเวนเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใน ซัปโปโรที่มีทัศนียภาพแตกต่างกันไปทั้งสี่ฤดู
- : 1 วัน
- เส้นทาง: เศียรพระใหญ่ -> สวนศิลปะซัปโปโร -> มหาวิทยาลัยฮอกไกโด -> ภูเขาโมอิวะ -> ถนนคนเดินทานุกิโคจิ
- แผนที่
เศียรพระใหญ่
( : ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
- จากสถานีซัปโปโรถึงเศียรพระใหญ่ นั่งรถไฟใต้ดินและต่อรถบัสรวมกันประมาณ 1 ชั่วโมง
- มีรถบัสจากสถานีมาโคมาไนไปเศียรพระใหญ่ชั่วโมงละ 1 เที่ยว ในระหว่าง 9.00 – 13.00 น. รถบัสขากลับเที่ยวสุดท้ายประมาณ 14.00 น. จำนวนเที่ยวของรถบัสมีจำกัด อย่าลืมกดตรงนี้เพื่อตรวจสอบตารางเดินรถล่วงหน้า
- หอเศียรพระใหญ่ที่มีเศียรพระใหญ่อยู่จะมีค่าเข้าสักการะท่านละ 300 เยน (เด็กประถมหรือต่ำกว่า ฟรี)
- สามารถชำระค่าเข้าสักการะเป็นเงินสด (ธนบัตรจะรับเฉพาะใบละ 1,000 เยน) หรือบัตรเครดิตได้ผ่านเครื่องชำระเงินอัตโนมัติที่ทางเข้า
- บริเวณที่มีเศียรพระใหญ่เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ทั้งหมด ช่วงที่ดีที่สุดในการมาชมคือช่วงกลางถึงปลายกรกฎาคม
- ฤดูร้อน (เมษายน-ตุลาคม) และฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มีนาคม) จะมีเวลาทำการต่างกัน อย่าลืมตรวจสอบก่อนมา
มีสถานที่ท่องเที่ยวในซัปโปโรที่ได้รับความสนใจในหลายปีให้หลังนี้ ซึ่งก็คือ “เศียรพระใหญ่” พระใหญ่ที่มี
ชื่อเสียงในญี่ปุ่นจะอยู่ที่เกียวโต นารา และคามาคุระ แต่ก็ไม่ควรพลาดพระใหญ่ของซัปโปโร
จากส่วนใจกลางเมืองซัปโปโรไปถึงเศียรพระใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีโดยระบบขนส่งสาธารณะ ก่อนอื่นจากสถานีซัปโปโร ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานีมาโคมาไน เมื่อลงจากรถไฟใต้ดินแล้วให้ไปทางซ้าย เพื่อขึ้นรถบัส “真108” ที่จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 2 ของจุดขึ้นรถบัสฝั่งทิศใต้ แล้วจะมาถึงสุสานมาโคมาไนทาคิโนะ
ที่มีเศียรพระใหญ่อยู่ในเวลาประมาณ 23 นาที
เศียรพระใหญ่ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของสุสานที่มีหลุมศพเรียงราย เป็นพระใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ออกแบบโดยคุณทาดาโอะ อันโด สถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลก หากมองจากด้านนอกจะเป็นเนินทรงโดมที่มองเห็นเพียงส่วนหนึ่งของเศียรเท่านั้น
การสักการะพระใหญ่จะต้องอ้อม “สวนน้ำ” ที่ทางเข้าและลอดผ่าน “อุโมงค์” เข้าไป สวนน้ำนี้หมายถึง “หลักกำหนดเขต” การเดินอ้อมไปคือการข้ามเส้นแบ่งเขตแดนสำหรับปรับเปลี่ยนจิตใจเราจากโลกในชีวิตประจำวันที่เราอยู่ไปยังโลกที่ต่างออกจากชีวิตประจำวันที่พระใหญ่อยู่
เมื่อเดินทะลุอุโมงค์ออกมาก็จะพบกับพระใหญ่ เป็นองค์พระขนาดใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยบารมีภายในโดมที่ทำจากหิน เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นพระใหญ่ที่มีท้องฟ้าลอยอยู่ด้านหลัง เป็นภาพที่สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์
ด้านข้างานข้างพระใหญ่มีจำหน่ายแผ่นเขียนคำอธิษฐาน (เอมะ) และเซียมซี (โอมิคุจิ) ให้สนุกกับการสร้างความทรงจำดี ๆ เป็นที่ระลึกในการมาที่นี่ได้ โดยการดูดวงกับโอมิคุจิหรือวาดหน้าของตัวเองกับคนที่คิดถึงในเอมะ
เศียรพระใหญ่จะมีทัศนียภาพเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิจะมีซากุระ ฤดูร้อนมีลาเวนเดอร์ ฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาวจะปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ไม่ว่าจะมาในฤดูไหนเศียรพระใหญ่ก็ให้ความรู้สึกพิเศษไม่เหมือนใคร
ใกล้ ๆ กันมีรูปปั้นโมอายและสโตนเฮนจ์ด้วย อยากให้ลองมาตรงนี้เหมือนกัน ว่ากันว่ารูปปั้นเหล่านี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นหลุมศพโบราณ แต่หากไปดูหลังชมเศียรพระใหญ่แล้วก็จะรู้สึกแปลก ๆ ราวกับหลงไปยังอีกโลกหนึ่ง ดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้อย่างเต็มที่จนถึงเวลารถบัสขากลับได้เลย
สวนศิลปะซัปโปโร
( : ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
- จากเศียรพระใหญ่ไปสวนศิลปะซัปโปโร นั่งรถบัสประมาณ 10 นาที
- ขึ้นรถบัส “真106” ที่ป้าย “ทากิโนะโทเกะ” ที่ทางเข้าสุสานที่ตั้งของเศียรพระใหญ่ แล้วลงที่ “เกจุตสึโนะโมริเซ็นเตอร์” โปรดระวังเนื่องจากจะไม่สามารถเดินทางไปจากป้ายรถบัสที่ลงตอนที่ไปเศียรพระใหญ่ได้
- มีรถบัสชั่วโมงละ 1 คัน และคันสุดท้ายจะออกประมาณ 18.30 น.
- สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าสวนศิลปะซัปโปโรได้ จะปู่เสื่อนั่งปิกนิกหรือเดินเล่นก็ได้
หลังสักการะเศียรพระใหญ่ก็เดินทางไปยัง “สวนศิลปะซัปโปโร” ที่ซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับศิลปะและธรรมชาติได้มากขึ้น สวนศิลปะซัปโปโรเป็นสถานที่ทางศิลปะครบวงจรที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 40 ha ซึ่งก่อนอื่นขอแนะนำให้ไปส่วนพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งที่สามารถเพลิดเพลินกับศิลปะที่เสมือนรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้
พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์และมีภูมิประเทศที่เป็นเนินจำนวนมาก มีจัดแสดงงานแกะสลัก 74 ชิ้นจากศิลปิน 64 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลงานที่ศิลปินสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ตามพื้นที่นั้น ๆ เช่น รูปแบบพื้นดิน สภาพแวดล้อม สภาพอากาศของซัปโปโร ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลแล้ว ยังให้บรรยากาศที่หลากหลายตามเวลาหรือสภาพอากาศของวันนั้น ๆ ด้วย นอกจากนี้พื้นที่ศิลปะที่กลมกลืนเข้ากับธรรมชาตินี้ยังมีความกว้างขวาง จะมากี่ครั้งก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่รู้จบ
ภายในสวนยังมีพิพิธภัณฑ์ในอาคารที่จัดแสดงสิ่งต่าง ๆ ตามช่วงนั้น ๆ และสถานที่ที่สามารถมาทำงานฝีมือ งานพิมพ์ ฯลฯ ได้ด้วย มีกิจกรรมการทำงานศิลปะที่เข้าร่วมได้โดยไม่ต้องจองด้วย เชิญมาลองทำเป็นที่ระลึกดู ภายในสวนจะเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว แค่มาเดินเล่นสัมผัสกับกลิ่นอายของธรรมชาติดังกล่าวก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้แล้ว
มหาวิทยาลัยฮอกไกโด
( : ใช้เวลา 60 นาที)
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
- จากสวนศิลปะซัปโปโรนั่งรถบัสและรถไฟใต้ดินประมาณ 50 นาที
- นั่งรถบัส “真106” จาก “เกจุตสึโนะโมริเซ็นเตอร์” หรือ “เกจุตสึโนะโมริอิริกูจิ” ที่อยู่ในสวนศิลปะซัปโปโร ไปรถไฟใต้ดินสถานีมาโคมาไน
ประมาณ 15 นาที จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีมาโคมาไนไปสถานีซัปโปโร แล้วเดินประมาณ 10 นาทีก็จะถึงมหาวิทยาลัยฮอกไกโด
เมื่อเต็มอิ่มกับศิลปะที่ผสมผสานกับธรรมชาติที่ชานเมืองแล้วก็ไปต่อด้วยมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ศูนย์กลางการเรียนรู้และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นโอเอซิสในเมืองที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และเป็นที่รักของชาวเมือง
มหาวิทยาลัยฮอกไกโดก่อตั้งขึ้นในปี 1876 โดยเป็นโรงเรียนเกษตรซัปโปโร ซึ่งได้สร้างรากฐานของเกษตรกรรมของฮอกไกโด เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่มีประวัติการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพจำนวนมาก และมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นด้วย ปัจจุบันยังคงมีอาคารเรียนส่วนหนึ่งที่ใช้มาตั้งแต่ในยุคก่อตั้งเหลืออยู่
เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ก่อนอื่นให้ผ่านเข้าประตูใหญ่และจะพบกับ “เอล์มโนะโมริ” ซึ่งเป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์ทันที ให้รับแผนที่แคมปัสจากที่นี่ มหาวิทยาลัยฮอกไกโดมีพื้นที่ประมาณ 177 ha ซึ่งถือได้ว่าเป็นขุมสมบัติของสถานที่ท่องเที่ยว มีทั้งพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยและอาคารทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นที่รู้กันว่ามีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ภายในแคมปัสมีต้นเอล์มญี่ปุ่นและต้นป็อปลาร์ตั้งเรียงราย ในฤดูใบไม้ร่วงจะสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามของแนวต้นแปะก๊วยได้ด้วย นอกจากนี้ แม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองแต่ก็ยังมีป่าดึกดำบรรพ์และฟาร์ม มีแกะและวัวกินหญ้าอยู่โดยมีพื้นหลังเป็นวิวเมืองของซัปโปโร เป็นทัศนียภาพที่สมกับเป็นซัปโปโรที่มีธรรมชาติและเมืองอยู่ใกล้กัน
ภายในแคมปัสอันกว้างขวางจะมีผู้คนมาวิ่งหรือเดินเล่นจำนวนมาก สามารถมาสัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองซัปโปโรได้
นอกจากนี้ เมื่อมาฮอกไกโดแล้วก็ขอแนะนำให้แวะ “เซโก้มาร์ท” ร้านสะดวกซื้อภายในแคมปัสที่เป็นที่นิยมของชาวฮอกไกโดด้วย เซโก้มาร์ทมีชื่อเสียงด้านการมีสินค้าที่ใช้วัตถุดิบทำอาหารของฮอกไกโดจำนวนมาก และยังมีมุมฮอตเชฟที่มีชื่อเสียง สามารถซื้อสินค้าที่ทำใหม่ ๆ ภายในร้าน เช่น ไก่ทอด คัตสึด้ง ฯลฯ ได้
สาขามหาวิทยาลัยฮอกไกโดมีศูนย์ประชาสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและมีของฝากที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโดซึ่งหาซื้อได้ที่นี่ที่เดียว ชั้น 2 มีที่นั่งแบบระเบียงเหมาะกับการมานั่งพักในคาเฟ่เมื่อเดินภายในแคมปัสจนเหนื่อยด้วย
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด
ภูเขาโมอิวะ
( : ใช้เวลา 60 นาที)
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
- จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโดไปภูเขาโมอิวะนั่งรถไฟใต้ดินและรถรางประมาณ 1 ชั่วโมง
- จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโดถึงสถานีซัปโปโรซึ่งเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด เดินประมาณ 10 นาที แต่ในวันที่อากาศดีขอแนะนำให้เดินไปถึงสถานีโอโดริเลย วันที่อากาศดีจะเดินบนดินก็ได้และวันที่ฝนตกจะเดินผ่านจิกาโฮะ (ทางเดินใต้ดิน) ก็ไปได้เช่นกัน
- จากโอโดรินั่งรถรางที่ “สถานีนิชิ 4 โจเมะ” ประมาณ 20 นาที ลงที่ “สถานีโรปเวย์อิริกูจิ” เดินประมาณ 10 นาทีไป “สถานีซันโรคุของกระเช้าลอยฟ้าภูเขาโมอิวะ” จากนั้นต่อกระเช้าลอยฟ้าและเคเบิลคาร์เพื่อไปยอดเขา
- การใช้บริการกระเช้าลอยฟ้าและเคเบิลคาร์ต้องซื้อตั๋วของแต่ละอย่าง แต่มีชุดตั๋วไปกลับทั้งสองอย่างรวมกันในราคาพิเศษ (2,100 เยน / นักเรียนประถมหรือต่ำกว่า 1,050 เยน) ซื้อตั๋วได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วชั้น 4 สถานีซันโรคุ
เมื่อใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินก็ออกเดินทางไปยังภูเขาโมอิวะ นั่งรถรางไปยังสถานี “โรปเวย์อิริกูจิ” เพื่อไปสถานีซันโรคุของกระเช้าลอยฟ้าภูเขาโมอิวะซัปโปโร
จากสถานีซันโรคุนั่งกระเช้าลอยฟ้าและต่อมินิเคเบิลคาร์ไปยังยอดภูเขาโมอิวะ
กระเช้าลอยฟ้าจะมีหน้าต่างบานใหญ่ให้สามารถตื่นตาตื่นใจไปกับการชมวิวเมืองที่ค่อย ๆ กว้างขึ้นตามความสูงของกระเช้าได้ อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือทัศนียภาพของภูเขาโมอิวะที่เปลี่ยนไปตามแต่ละฤดู โดยฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยสีเขียว ฤดูใบไม้ร่วงจะมีใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาวจะเป็นวิวหิมะสีขาว
จากจุดชมวิวที่ยอดเขาจะสามารถมองเห็นภาพเมืองซัปโปโรทั้งหมดได้แบบพาโนรามา 360 องศา เป็นทัศนียภาพ
เมืองซัปโปโรที่มีประชากร 1.9 ล้านคนมีไฟระยิบระยับงดงามราวกับผืนพรม หากมีเวลาควรรีบขึ้นไปเร็วเล็กน้อย เพื่อเพลิดเพลินกับช่วงเวลาต้องมนต์อันน่ามหัศจรรย์ที่ทัศนียภาพยามเย็นเปลี่ยนเป็นทัศนียภาพยามค่ำคืน
ทัศนียภาพยามค่ำคืนของซัปโปโรมีความงามระดับชั้นนำของญี่ปุ่นและได้รับเลือกให้เป็น “หนึ่งในสามทัศนียภาพยามค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่แห่งใหม่ของญี่ปุ่น” ด้วย เชิญมาชมทัศนียภาพยามค่ำคืนที่งดงามจนแทบลืมหายใจด้วยตัวท่านเอง
ถนนคนเดินทานุกิโคจิ
( : ใช้เวลา 60 นาที)
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
- จากภูเขาโมอิวะถึงถนนคนเดินทานุกิโคจิใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
- จากสถานีโรปเวย์อิริกูจิ นั่งรถรางไปลงที่สถานีทานุกิโคจิ
- ย่านการค้ามี 7 บล็อกความยาวรวมประมาณ 900 เมตร มีร้านค้าอยู่ประมาณ 200 ร้าน
เมื่อลงจากภูเขาโมอิวะ ก็ไปจบการเดินทางในหนึ่งวันที่ถนนคนเดินทานุกิโคจิกัน เป็นย่านการค้าที่ช่วงกลางวันจะมีผู้คนจำนวนมากมาซื้อของ แต่พอตกกลางคืนจะคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาหาของรับประทาน
ทานุกิโคจิเป็นที่รู้จักมาแต่โบราณว่าเป็นย่านที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงของราเม็ง มีร้านชื่อดังจำนวนมาก และยังเป็นแหล่งรวมร้านชื่อดังที่มีเมนูแบบเฉพาะของฮอกไกโดและซัปโปโร เช่น อาหารทะเล ซุปแกงกะหรี่ ฯลฯ ด้วย
อีกทั้งไม่ใช่แค่ร้านค้าในถนนสายหลัก ในทานุกิโคจิ 2 โจเมะยังมี “ทานุกิโคมิจิ” ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลาย ๆ
ร้านในซอย และมีตลาดทานุกิโคจิที่คนท้องถิ่นชื่นชอบด้วย สำหรับท่านที่ลังเลไม่รู้ว่าจะรับประทานอะไรดี ขอแนะนำให้ลองเดินรับประทานหลาย ๆ ร้านดู
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถนนคนเดินทานุกิโคจิ
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซูชิและอาหารทะเล
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซุปแกงกะหรี่