ตัวอย่าง 04

ใช้เวลาให้ต่างจากชีวิตปกติ ออกไปพัก
ผ่อนกับหุบเขาโจซังเคแห่งธรรมชาติและออนเซ็น

  • : 1 วัน (กรณีที่จะพักค้างคืน เป็น 2 วัน 1 คืน)
  • เส้นทาง: สัมผัสธรรมชาติและทำกิจกรรม -> อาหารกลางวัน -> เข้าออนเซ็น -> เดินเล่นเมืองออนเซ็น (-> เข้าพัก)
  • แผนที่

หุบเขาโจซังเคกับออนเซ็นของซัปโปโรที่มีประวัติยาวนาน

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
  • โจซังเคออนเซ็นเป็นเมืองออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิโคะสึโทยะที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และอยู่ใกล้กับตัวเมืองซัปโปโร ซึ่งจะเข้าพักหรือใช้บริการออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้
  • หากจะไปด้วยขนส่งสาธารณะก็มีรสบัสไปถึง หากนั่งรถประจำทางจากสถานีซัปโปโรจะใช้เวลาประมาณ 80 นาที แต่หากเป็นกัปปะไลเนอร์ที่วิ่งตรงไปยังหุบเขาโจซังเคเลยจะถึงในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
  • รถประจำทางสามารถใช้บัตร IC เช่น SAPICA, KITACA, SUICA ฯลฯ ได้
  • กัปปะไลเนอร์เป็นระบบจอง 100% ผ่านเว็บไซต์หรือหมายเลขโทรศัพท์เฉพาะ กดตรงนี้เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ที่สามารถจองและชำระเงินออนไลน์ (เฉพาะบัตรเครดิต) ได้
  • มีแพ็กเกจสุดคุ้มที่เป็นชุดรวมตั๋วรถบัสและค่าเข้าออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับบางส่วนด้วย สามารถซื้อได้จากหลายที่ เช่น เว็บไซต์ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของสถานีซัปโปโร โจเท็ตสึบัส ฯลฯ กดตรงนี้เพื่อจองทางเว็บไซต์ (บัตรเครดิตเท่านั้น จองทางเว็บไซต์ได้เฉพาะกัปปะไลเนอร์เท่านั้น)
  • กรณีที่เข้าพักที่โรงแรม เรียวกัง ฯลฯ จะมีสถานที่ที่มีบริการรถรับส่งด้วย ใช้บริการสถานที่เหล่านี้จะช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้น

ซัปโปโรมีออนเซ็นที่ชาวเมืองชื่นชอบมาแต่โบราณ หุบเขาโจซังเคซึ่งตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 60 นาทีโดยรถบัสเป็นเมืองออนเซ็นที่อยู่ในเมืองซัปโปโร เมืองออนเซ็นโจซังเคเปิดมาตั้งแต่ประมาณ 150 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเพียบพร้อมไปด้วยร้านอาหารและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่แตกต่างกันไปทั้งสี่ฤดู เป็นที่นิยมในฐานะสถานที่ที่มาเล่นสนุกได้ทั้งวัน

อาคารสีน้ำตาลทางด้านขวาคืออาคารโฮกูเร็น
จุดขึ้นรถหมายเลข 27

หากจะไปหุบเขาโจซังเค ใช้บริการ “กัปปะไลเนอร์” ที่เป็นรถบัสวิ่งตรงจะสะดวกกว่า เมื่อออกจากทางออกตะวันออกของประตูตรวจตั๋วทิศใต้ของ JR สถานีซัปโปโรแล้วให้ไปทางขวา แล้วจะพบกับอาคารโฮกูเร็นสีน้ำตาล ซึ่งจุดขึ้นรถอยู่หน้าอาคารดังกล่าว “กัปปะไลเนอร์” จะออกจากจุดขึ้นรถหมายเลข 27

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลรถบัสโจเท็ตสึ


ผจญภัยไปกับหุบเขาที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์

Useful Info

  • ฤดูใบไม้ผลิของบริเวณหุบเขาโจซังเคจะเป็นประมาณต้นเมษายนถึงพฤษภาคม และเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างภูเขา ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจึงมีใบไม้เปลี่ยนสีประมาณต้นถึงกลางตุลาคมและหิมะเริ่มสะสมประมาณปลายพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม ซึ่งเร็วกว่าบริเวณใจกลางเมืองซัปโปโรเล็กน้อย

เมื่อมาถึงหุบเขาโจซังเค ก่อนอื่นไปสนุกกับกิจกรรมท่ามกลางป่าลึกและหุบเขาที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่นกัน

มีกิจกรรมให้เลือกทำเป็นจำนวนมาก และสิ่งที่แนะนำที่สุดคือแคนู การพายเรือแคนูในแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขาจะทำให้รู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และสนุกกับทัศนียภาพอันงดงามที่เปลี่ยนสีไปในแต่ละฤดูได้

ระยะหลังนี้ SUP (Standup Paddle Board) ที่เป็นการยืนบนบอร์ดแล้วใช้ไม้พายไปเรื่อย ๆ ก็เป็นที่นิยม เส้นทาง
แคนูของหุบเขาโจซังเคจะมีน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 1 เมตรและน้ำไหลนิ่ง ๆ อีกทั้งยังมีไกด์อยู่ด้วย แม้จะเป็นมือใหม่
หรือเด็ก ๆ ก็เล่นได้อย่างสบายใจ

ท่านที่อยากสัมผัสกับธรรมชาติมากกว่านั้น ขอแนะนำให้ไปเดินป่าท่ามกลางต้นไม้สีเขียวขจี หุบเขาโจซังเคล้อมรอบไปด้วยภูเขาทำให้การเดินเขาก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยม ซึ่งมีตั้งแต่ภูเขาที่สามารถเดินได้ง่าย ๆ ด้วยรองเท้าผ้าใบธรรมดา ไปจนถึงภูเขาที่ต้องมีอุปกรณ์เดินเขาแบบจริงจัง ให้สามารถมาสนุกกันได้ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ

และไม่ใช่แค่ในกรีนซีซันเท่านั้น ในช่วงสโนว์ซีซันก็มีกิจกรรมแบบเฉพาะให้ทำได้ด้วย โดยเฉพาะการล่องแก่งชมหิมะตามแนวหุบเขาที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและห่อหุ้มด้วยทัศนียภาพของหิมะอันขาวโพลน เป็นกิจกรรมที่อยากให้มาลองดูสักครั้งหนึ่ง แล้วยังอาจจะได้พบกับสัตว์ป่า เช่น กวาง ฯลฯ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น น้ำตกแข็ง ฯลฯ ได้ด้วย

เต็นท์ซาวน่าชมหิมะก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อยากให้ลองในฤดูหนาว อุ่นร่างกายจากซาวน่าแล้วก็มาพุ่งใส่หิมะนุ่ม ๆ !
สนุกกับกิจกรรมซาวน่าอันหรูหราแบบเฉพาะของเมืองหิมะได้

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมที่หุบเขาโจซังเค
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Friluftsliv
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Amuse Sports


รับประทานอาหารกลางวันสบาย ๆ ในเมืองออนเซ็น

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

  • เมืองออนเซ็นโจซังเคมีร้านอาหารจำนวนมากให้แวะรับประทานได้ง่าย ๆ ในระยะที่สามารถเดินถึงได้ ตั้งแต่ร้านอาหารเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ ไปจนถึงร้านขนมปัง คาเฟ่ และร้านอาหารสวย ๆ แบบมีสไตล์
  • กรณีที่อยากกำหนดแผนเอาไว้ล่วงหน้า ขอแนะนำให้จองอาหารกลางวันของโรงแรม

เมื่อเที่ยวเล่นข้างนอกเสร็จแล้วก็กลับมาเต็มอิ่มกับอาหารกลางวันที่เมืองออนเซ็น ในเมืองออนเซ็นมีร้านราเม็ง ร้านกาแฟ ฯลฯ ที่เป็นที่ชื่นชอบมาแต่โบราณ สามารถสนุกกับอาหารญี่ปุ่นอันเรียบง่ายได้ง่าย ๆ

ระยะหลังนี้นอกจากการรับประทานอาหารแล้ว ยังมีสถานที่เพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายมาเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันหรูหราเกิดขึ้นใหม่เรื่อย ๆ ด้วย หนึ่งในนั้นคือบริเวณ “ยามะโนะคาเซะมาจิ” ที่อยู่ติดกับที่พักต่าง ๆ เช่น “ซุยซันเทคลับโจซังเค”, “ฮาตาโกยะ โจซังเคโชเต็น” ฯลฯ

เป็นแหล่งรวมร้านอาหารชุด ร้านขนมปัง ร้านขนมตะวันตก ฯลฯ ที่สวยมีสไตล์

ซึ่งขนมปังแฮนด์เมดของร้านขนมปังที่นี่เป็นที่นิยมถึงขนาดขายหมดในช่วงเช้าของวันธรรมดาเลย

หน้าร้านขนมปังมีออนเซ็นเท้าให้บริการฟรีด้วย

นอกจากนี้ ยังมี “โคโกโระโนะซาโตะ” ของ “โจซังเคนูกูโมริโนะยาโดะ ฟูรูกาวะ” ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาซึ่งเป็นอีกสถานที่สำหรับผ่อนคลายที่อยากให้ไป

ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ “โนะโนะเทอร์เรส” และ “โจซัง” โดยที่ “โนะโนะเทอร์เรส” จะมีโต๊ะทัวร์กิจกรรมในตัวและเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ตลาด และร้านขนมหวานเอาไว้ในที่เดียว

ร้านอาหารมีเมนูที่ทั้งอร่อยและหน้าตาดีจำนวนมากจนต้องลังเลว่าจะรับประทานอะไรดี เช่น สตูว์ที่ใช้เนื้อหมูในท้องถิ่นกับผักตามฤดูกาล พุดดิ้งที่ทำเป็นรูปไข่ ฯลฯ

ส่วนที่ “โจซัง” จะมีออนเซ็นเท้า 8 จุดให้ผ่อนคลายไปพร้อมกับชมทัศนียภาพอันมีเอกลักษณ์ได้

เมื่อใช้บริการออนเซ็นเท้าจะได้รับเครื่องดื่มและกล่องชุดขนมตามฤดูกาลและขนมจากชาโฮมเมดมาด้วย

ในเมืองออนเซ็นก็มีร้านขนมจีบและคาเฟ่สวย ๆ มาเปิดใหม่ด้วย “ZENERAL COFFEE STORE” ที่จากซัปโปโรเข้าเมืองออนเซ็นมาแล้วเจอเลยก็เหมาะกับการใช้เป็นสถานที่พักระหว่างเดินเล่นในเมืองออนเซ็น


แช่ออนเซ็นแล้วเข้าพัก

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

  • โจซังเคออนเซ็นมีจุดเด่นที่มีต้นน้ำออนเซ็นอยู่ทั้งหมด 56 แห่งและมีปริมาณน้ำมาก
  • ตัวน้ำออนเซ็นจะเป็นออนเซ็นโซเดียมคลอไรด์ที่ใสไร้สี (มีสมบัติเป็นกลาง เจือจาง และอุณหภูมิสูง) ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายจากภายใน

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ไปแช่ออนเซ็นให้นานเท่าที่จะมีเวลากัน ในเมืองออนเซ็นมีสถานที่ให้บริการออนเซ็นหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เรียวกังเก่าแก่ ไปจนถึงเรียวกังหรูและสปารีสอร์ทขนาดใหญ่ และบางส่วนมีบริการออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับด้วย

นอกจากนี้ หุบเขาโจซังเคยังเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านใบไม้เปลี่ยนสี ทัศนียภาพที่มองออกมาจากในออนเซ็นช่างงดงามเหนือใคร ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะเป็นสีเขียวขจี ในฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นใบไม้เปลี่ยนสีที่มีหลากหลายสีสัน ในฤดูหนาวมีหิมะสีขาวโพลนให้ชื่นชมได้จากออนเซ็นกลางแจ้ง

การเข้าออนเซ็นที่ญี่ปุ่นต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด ก่อนลงแช่ให้ล้างตัวให้สะอาดและเมื่อแช่ลงอ่างต้องระวังอย่าให้ผ้าขนหนูลงไปในอ่างด้วย นอกจากนี้ ออนเซ็นส่วนใหญ่จะปฏิเสธไม่ให้ท่านที่มีรอยสักเข้า แต่ก็มีออนเซ็นแบบเช่าเหมาหรือออนเซ็นในห้องพัก และออนเซ็นที่อนุญาตให้ใช้บริการได้โดยใส่เสื้อ ติดสติกเกอร์ ฯลฯ ปิดรอยสักเอาไว้ด้วย โปรดตรวจสอบล่วงหน้าว่าสามารถใช้บริการได้หรือไม่ และจองออนเซ็นแบบเช่าเหมาหรือห้องพักที่มีออนเซ็นในตัวเอาไว้ล่วงหน้า


สนุกกับเมืองออนเซ็น

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

  • “JOZANKEI NATURE LUMINARIE” เป็นอีเว้นท์เปิดไฟประดับที่จัดช่วงกลางคืนจากสวนฟูตามิไปจนถึงสะพานแขวนฟูตามิ ซึ่งจะสามารถเข้าชมได้เฉพาะผู้ที่เข้าพักในโจซังเคออนเซ็นเท่านั้น จัดระหว่างมิถุนายนถึงตุลาคมของทุกปี
  • “ยูกิโทโร (เส้นทางเทียนหิมะ)” เป็นอีเว้นท์ที่จะจุดเทียนหิมะซึ่งจัดที่ศาลเจ้าโจซังเคจินจะ ตั้งแต่ปลายมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์ของทุกปี

เสน่ห์ของหุบเขาโจซังเคคือสามารถมาเที่ยวได้แบบไปเช้าเย็นกลับ แต่หากมีเวลาก็อยากให้ลองเข้าพักที่นี่ดู

โจซังเคออนเซ็นมีตำนานเกี่ยวกับกัปปะด้วย จึงมีหุ่นกัปปะอยู่ในที่ต่าง ๆ ซึ่งแค่เดินดูก็สนุกแล้ว

อีกทั้งมีออนเซ็นมือ ออนเซ็นเท้า รวมถึง “อนทามะโนะยุ” ที่สามารถมาทำไข่ออนเซ็นได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมี “JOZANKEI NATURE LUMINARIE” อีเว้นท์สีสันสดใสจากการเปิดไฟประดับและโปรเจคชันแมปปิ้ง
ภายในเมืองออนเซ็นที่เข้าได้เฉพาะผู้ที่เข้าพักเท่านั้นด้วย จัดตั้งแต่ต้นมิถุนายนถึงปลายตุลาคมของทุกปี

ในช่วงที่มีหิมะสะสมระหว่างปลายมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์จะมีอีเว้นท์จุดเทียนหิมะ “ยูกิโทโร (เส้นทางเทียนหิมะ)” ด้วย หุบเขาโจซังเคมีสิ่งน่าสนใจเต็มไปหมดทั้งกลางวันและกลางคืน หากมีเวลาขอแนะนำให้จองที่พักเอาไว้เลย

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JOZANKEI NATURE LUMINARIE
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยูกิโทโร (เส้นทางเทียนหิมะ)

PAGE TOP