เดินเที่ยวสำหรับการมาครั้งแรก: แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของซัปโปโรทั้งหมด

หอนาฬิกาซัปโปโร( : ประมาณ 30 นาที)

ซัปโปโรมีแลนด์มาร์กที่สำคัญอยู่หลายแห่ง แต่หอนาฬิกาซัปโปโรนี่ถือเป็นที่สุดของแลนด์มาร์กเหล่านั้นแล้ว
ผู้คนในท้องถิ่นรักและดูแลที่นี่ในฐานะสัญลักษณ์ของเมือง เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดกับการเริ่มการท่องเที่ยว

สามารถมาหอนาฬิกาได้ง่ายมากเพราะตั้งอยู่ในย่านสำนักงานที่ใจกลางซัปโปโร เป็นอาคารไม้อายุกว่า 140 ปี ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางตึกระฟ้าในเมือง

หอนาฬิกาซัปโปโรเป็นหอนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ของญี่ปุ่น
และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เชิญมาชมในช่วงเวลาที่เป็นชั่วโมงตรงแล้วจะได้ฟังเสียงระฆังบอกชั่วโมง

สามารถเข้าไปชมด้านในได้ด้วย!
ที่ชั้นหนึ่งจะมีนิทรรศการ โมเดล และข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของหอนาฬิกา ซัปโปโร และฮอกไกโดทั้งหมด หากขึ้นมาชั้นบนจะมีรูปปั้นของ William Smith Clark ผู้ออกแบบคอนเซ็ปต์ดีไซน์ของหอนาฬิกา เพราะฉะนั้น เมื่อได้ถ่ายรูปหอนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้วก็เข้าไปข้างในเพื่อถ่ายรูปกับชายผู้อยู่เบื้องหลัง!

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหอนาฬิกาซัปโปโร

ตลาดนิโจ ( : ประมาณ 40 นาที)

เมื่อชื่นชมหอนาฬิกาเสร็จแล้วก็เดินไปอีกเล็กน้อยถึงตลาดนิโจเพื่อซื้อของและหาอาหารกลางวัน

ที่นี่เป็นสวรรค์แห่งอาหารทะเลที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
มีอาหารฮอกไกโดตามฤดูกาลให้เลือกนับไม่ถ้วน ร้านอาหารทะเลและร้านขายผลิตภัณฑ์ทางทะเลตั้งเรียงรายจำหน่ายอาหารทะเลทั้งแบบสดและแบบแปรรูป และมีผลไม้จำหน่ายด้วย

ทุกเช้าจะมีผลผลิตจากทะเลที่เพิ่งจับได้สด ๆ ทุกประเภทเข้ามายังตลาด
เพียงแค่เดินดูก็ตื่นเต้นแล้ว

มีตั้งแต่ปูที่วางเรียงอยู่บนน้ำแข็งไปจนถึงหอยเชลล์และนอยนางรมเป็น ๆ ในแทงค์
ทุกอย่างได้รับการดูแลอย่างดีเพื่อรักษาเอาไว้ในสภาวะที่ดีที่สุด
ซึ่งสามารถเห็นความสดนั้นได้จากรูปร่างและสี

ตลาดร่วมมือกับร้านอาหารในการเสิร์ฟอาหารจานอร่อยด้วย ขอแนะนำให้ลองดงบุริ (ข้าวหน้าซีฟู้ด) ที่ทำให้สามารถลิ้มรสอาหารทะเลหลาย ๆ อย่างในตลาดได้ อาหารทะเลทั้งหมดของที่นี่มีรสที่กลมกล่อมและมีปริมาณ
ไขมันที่กำลังพอดี

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดนิโจ

ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ ( : ประมาณ 40 นาที)

สถานที่ต่อไปก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงของซัปโปโร ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์
เมื่อออกจากตลาดนิโจและเดินมาถึงแม่น้ำ
มองข้ามแม่น้ำไปทางเหนือจะเห็นหอคอยสีแดงอยู่กลางเมืองทันที

ตั้งอยู่เขต 1-โจเมะของสวนสาธารณะโอโดริ เป็นหอคอยสูง 147 เมตรติดกับร้านค้า ทำให้เหมาะกับการซื้อ
ของฝาก แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ดีที่สุดก็คือวิวที่มองมาจากจุดชมวิว

ด้วยความสูงที่ 90 เมตรทำให้สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของธรรมชาติและเมืองที่อยู่ติดกัน รวมถึงเห็นสวนสาธารณะโอโดริทั้งหมดได้ด้วย ในวันที่อากาศโปร่งจริง ๆ จะสามารถเห็นเหล่าภูเขาที่ล้อมรอบเมืองจนต้อง
ตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่นั้นได้ด้วย

หากมีเวลาขอให้กลับมาอีกในตอนกลางคืน แสงไฟจะทำให้บรรยากาศเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่ปลายพฤศจิกายนถึงปลายธันวาคม จะมีการเปิดไฟประดับงดงามทั่วทั้งสวนสาธารณะโอโดริ

ฤดูหนาวจะให้วิวที่แตกต่างไปอีกเช่นกัน โดยมีหิมะจะตกลงมาปกคลุมทั้งเมือง ในช่วงต้นกุมภาพันธ์ของทุกปี จะสามารถมาชมเทศกาลหิมะที่สวนสาธารณะโอโดริด้านล่างได้ เป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมรูปปั้นหิมะอันยิ่งใหญ่

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซัปโปโรทีวีทาวเวอร์

สวนสาธารณะโอโดริ ( : ประมาณ 40 นาที)

หลังเพลิดเพลินกับวิวจากทีวีทาวเวอร์ ก็มาเดินเล่นไปทางตะวันตกผ่านสวนสาธารณะโอโดริ

สวนสาธารณะโอโดริเป็นโอเอซิสกลางเมืองซัปโปโรที่มีสนามหญ้าอันกว้างใหญ่กับดอกไม้ที่อัดแน่นเต็มไปหมด คนท้องถิ่นชอบที่จะมาแวะพักบริเวณน้ำพุหรือม้านั่ง และเป็นที่ที่ดีสำหรับการมาเดินเล่นในวันฟ้าโปร่ง

มีของดีของซัปโปโรสองอย่างที่ควรลองเมื่อมาถึง อย่างแรกคือข้าวโพดปิ้งที่จำหน่ายในสวนสาธารณะ
จำหน่ายระหว่างปลายเมษายน – ต้นตุลาคมของทุกปี

ซึ่งเป็นการย่างข้าวโพดด้วยโชยุ เป็นการผสมรสอร่อยของโชยุเข้ากับความหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของข้าวโพดฮอกไกโดซึ่งจะมากระตุ้นน้ำย่อย คุณจะเผลอกินหมดโดยไม่รู้ตัว แต่ระวัง นกพิราบกับกาในสวนสาธารณะก็ชอบกินเหมือนกัน!

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องลองคือชิกูวะปังจากร้านดงกูริที่ชั้นหนึ่งของศูนย์การค้า Le Trois ที่แยกโอโดริพาร์ค 1-โจเมะ

เนื้อปลาบดทรงกระบอกกรวง (ชิกูวะ) สอดไส้ด้วยทูน่าแล้วนำไปอบในขนมปังญี่ปุ่นแบบเฉพาะของทางร้าน
ชิกูวะปังสามารถใช้แทนอาหารมื้อหนึ่งได้เลย จึงเหมาะกับการใช้รับประทานเพื่อเติมพลังระหว่างท่องเที่ยว ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งในขนมปังที่อร่อยและมีเอกลักษณ์ของที่นี่ ลองเลือกหาอันที่ชอบจากเมนูที่หลากหลายดู!
จะซื้อแล้วนำไปรับประทานท่ามกลางธรรมชาติของสวนสาธารณะโอโดริก็ได้ หรือจะรับประทานที่โซนคาเฟ่ภายในร้านก็ได้

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวนสาธารณะโอโดริ

กันโซะซัปโปโรราเม็งโยโกโจ (ตรอกราเม็ง)
( : ประมาณ 40 นาที)

สำหรับอาหารกลางวันในซัปโปโร ขอแนะนำให้ไปที่ “กันโซะซัปโปโรราเม็งโยโกโจ (ตรอกราเม็ง)” ที่สามารถเต็มอิ่มกับอาหารในท้องถิ่นของซัปโปโรได้

ราเม็งหลักของซัปโปโรคือมิโซะราเม็ง มีร้านราเม็งให้เลือก 17 ร้าน และแต่ละร้านก็มีราเม็งแบบเฉพาะของตัวเอง

ตามหาราเม็งรสชาติที่ถูกใจ แล้วรับประทานให้อิ่มท้องเพื่อเติมพลังสำหรับการท่องเที่ยวในช่วงบ่าย

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกันโซะซัปโปโรราเม็งโยโกโจ (ตรอกราเม็ง)
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิโซะราเม็ง

ถนนคนเดินทานุกิโคจิ
( : ใช้เวลา 60 นาที)

เมื่อรับประทานราเม็งแล้วก็ไปถนนคนเดินทานุกิโคจิที่ทอดยาวจากตะวันออกไปตะวันตกของส่วนใจกลางเมืองซัปโปโร ชาวเมืองจะเรียกย่านร้านค้านี้ว่า “ทานุกิโคจิ” อย่างสนิทสนม ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านร้านค้าที่เก่าแก่ที่สุดของฮอกไกโด มีประวัติศาสตร์เกือบ 150 ปีและเป็นย่านร้านค้าแบบที่มีหลังคาทำให้สามารถมาใช้บริการได้ในทุกสภาพอากาศแม้วันที่ฝนตกหรือหิมะตก

ถนนคนเดินทานุกิโคจิมีความยาวรวมประมาณ 900 เมตร ภายในมีร้านค้าประมาณ 200 ร้าน มีร้านยอดนิยมที่หลากหลาย ตั้งแต่ร้านของฝากเก่าแก่ไปจนถึงร้านขนมหวานใหม่ล่าสุด มีทั้งร้านมีดเฉพาะทางที่ลับด้วยมือของช่างผู้เชี่ยวชาญและร้านกาชาปองที่มีตู้ให้กดกว่า 700 ตู้ เป็นสถานที่ที่แนะนำสำหรับหาซื้อของฝากที่มีความพิเศษต่างจากที่อื่น

นอกจากนี้ ภายในย่านร้านค้ายังมีศาลเจ้าที่มีพระพุทธรูปทานูกิด้วย ซึ่งว่ากันว่าหากได้สัมผัสจะมีผลที่ต่างกัน 8 อย่างตามส่วนที่ได้สัมผัส หากเจอแล้วอย่าลืมมาสัมผัสกัน

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถนนคนเดินทานุกิโคจิ
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซูชิและอาหารทะเล
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซุปแกงกะหรี่

ลานเบียร์ซัปโปโรและพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร
( : ใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง)

จบการเที่ยวโดยไปที่ลานเบียร์ซัปโปโร & พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโรเพื่อเพลิดเพลินกับเบียร์ญี่ปุ่นและเนื้อแกะย่างเจงกิสข่านซึ่งเป็นวัฒนธรรมอาหารของฮอกไกโด

นั่งรถบัส “循環88” จากป้ายรถบัส “โอโดริโคเอ็น” ไปกัน

ภายในมีพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโรซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เบียร์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น มาทั้งที ขอแนะนำให้เข้าร่วมพรีเมี่ยมทัวร์แบบมีไกด์ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ซัปโปโรเป็นสถานที่หมักเบียร์อย่างจริงจังแห่งแรกที่ดำเนินการโดยคนญี่ปุ่น สามารถมาสัมผัสกับประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงนั้นได้

จุดสำคัญที่ไม่ควรพลาดชมคือโปสเตอร์ที่แกลเลอรีจัดแสดง มีโปสเตอร์ติดเรียงรายสวยงามมาก และวิดีโอในช่วงท้ายจะสรุปการเปลี่ยนแปลงที่เชื่อมมาถึงซัปโปโรในปัจจุบันให้อย่างเข้าใจง่ายด้วย ขอแนะนำให้ดูจนจบ

เสน่ห์ของพรีเมี่ยมทัวร์อีกอย่างหนึ่งก็คือการที่สามารถดื่มเทียบเบียร์ได้ในตอนจบ
โดยเฉพาะ “เบียร์ฟุกโกกุซัปโปโร” ที่จำลองกรรมวิธีผลิตในยุคก่อตั้งซึ่งเป็นเมนูล้ำค่าที่มีให้ดื่มที่นี่เท่านั้น ท่านที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถสนุกกับ “ริบบอนนโปเลียน” น้ำอัดลมที่จำหน่ายเฉพาะในฮอกไกโดได้

จบทัวร์แล้วก็เป็นเวลาอาหารเย็นที่รอคอย ย้ายมาลานเบียร์แล้วลิ้มรสเนื้อแกะย่างเจงกิสข่าน

เนื้อแกะย่างเจงกิสข่านเป็นโซลฟู้ดของฮอกไกโดที่เป็นการนำเนื้อแกะมาย่างด้วยกระทะแบบเฉพาะจิ้มซอสสูตรพิเศษ รสชาติของเบียร์หลังจากได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์มายิ่งอร่อยเหนือใคร

ขากลับหากจะลงที่สถานีซัปโปโรให้นั่งรถบัสสาย 188 หรือสาย 循環88 แบบขามา
หากจะไปทางโอโดริให้นั่งรถบัสสาย 188 จะสะดวกกว่า

กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลานเบียร์ซัปโปโรและพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร
กดตรงนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อแกะย่างเจงกิสข่าน